ยิ่งรู้จัก ยิ่งรัก เปิด 5 เหตุผลหลัก ทำไมต้องเป็น “Windows 11”

Windows นับเป็นแพลตฟอร์มที่เปรียบเสมือนพื้นฐานสำคัญให้คนทำงานทั่วโลกได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และยังเป็นจุดเริ่มต้นของสตาร์ทอัพมากมาย คงไม่ผิดนักถ้าจะพูดว่าคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของคนส่วนใหญ่มาพร้อม Windows ขณะที่เว็บไซต์หลายแห่งก็ถือกำเนิดและเติบโตบน Windows ซึ่งเป็นที่ที่พวกเราหลายคนเขียนอีเมลฉบับแรก เล่นเกมพีซีเกมแรก และเขียนโค้ดบรรทัดแรก

Windows เป็นที่ที่ผู้คนเข้าไปสร้างสรรค์และเชื่อมหากัน เพื่อเรียนรู้และบรรลุเป้าหมายของตัวเอง เป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานในปัจจุบันกว่าพันล้านคน และในช่วงเวลาที่พีซีมีบทบาทสำคัญยิ่งขึ้นในชีวิตของเรา Windows 11 ก็ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้คุณใกล้ชิดกับสิ่งที่คุณรักมากขึ้น

 

เจาะลึก Windows 11 อัดลูกเล่น พร้อมเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ตอบโจทย์เรื่องส่วนตัวและความรู้สึกได้ดีมากยิ่งขึ้น

หลังจากเรียกเสียงฮือฮากันไปแล้วเมื่อกลางปีกับการเผยโฉมครั้งแรกของWindows 11 ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่ล่าสุดของไมโครซอฟท์ ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติใหม่มากมายที่เปลี่ยนไปจาก Windows 10 ในที่สุดก็ถึงเวลาแล้วที่ไมโครซอฟท์จะปล่อยเวอร์ชันเต็มของ Windows 11 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 นี้เป็นต้นไป  พร้อมสร้างประสบการณ์ใช้งานแบบใหม่เพื่อให้ผู้ใช้ได้ใกล้ชิดกับสิ่งที่รักและคนที่รักมากยิ่งขึ้น ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านแพลตฟอร์ม หลุดออกจากกรอบเดิมๆ ของตัวเอง ด้วยดีไซน์ใหม่ ฟังก์ชันเด็ด และการโต้ตอบกับ Windows 11 ได้อย่างเป็นธรรมชาติผ่านเมาส์ คีย์บอร์ด การสัมผัส และปากกา ที่ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการใช้งาน รองรับทั้งการทำงาน เรียน และเล่นในเวลาเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงที่เรียกได้ว่ามากที่สุดที่เคยมีมาครั้งนี้ Windows 11 มีอะไรใหม่ อะไรดี ถึงถูกขนานนามว่าเป็น “Your Next Love” ไปดูกันเลย

1. ยกระดับการทำงานหลายๆ อย่างพร้อมกันให้สะดวกสบายมากกว่าที่เคย 

Windows 11 ปรับเปลี่ยนดีไซน์ด้วยการเพิ่มความโค้งมนเข้าไปที่กรอบหน้าต่างแอปและเมนูต่างๆ พร้อมย้ายไอคอนในทาสก์บาร์มาไว้กลางจอ ให้ใกล้สายตาเวลาใช้งานจริงมากกว่าเดิม ส่วนเมนู Start ใหม่ก็มาในลุคที่เรียบง่ายกว่าที่เคย พร้อมเสิร์ฟทั้งแอปและไฟล์ที่ใช้งานประจำให้ได้คลิกกันง่ายๆ ส่วนใครที่เป็นมือใหม่และยังไม่คุ้นกับ Windows ก็มีแอป Get Started โฉมใหม่ที่พร้อมสอนการใช้งาน Windows 11 ขั้นพื้นฐานอย่างรวดเร็ว

ท่ามกลางความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงวิถีการทำงานในโลกดิจิทัลWindows 11 ยังถูกออกแบบมาพร้อมฟีเจอร์สุดว้าวเพื่อรองรับการทำงานแบบMulti-tasking ให้ได้ประสิทธิภาพอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด อย่าง Snap Layoutsและ Snap Groups ตัวช่วยให้คุณจัดระเบียบหน้าจอที่เปิดแอปฯ ไว้หลายหน้าต่างให้แบ่งพื้นที่หน้าจอในแบบที่คุณใช้งานได้ถนัดทุกแอป ทำให้การทำงานหลายอย่างพร้อมกันไม่สะดุดและลื่นไหลมากขึ้น นอกจากนี้ยังเปิด Virtual Desktops เพิ่มเติม แยกพื้นที่ให้แต่ละหน้าจอเหมาะสำหรับแต่ละช่วงเวลาในชีวิตประจำวันได้เป๊ะยิ่งขึ้น โดยอาจแยกเป็นหน้าจอสำหรับทำงาน เรียน หรือเล่นเกม ช่วยเพิ่มความสะดวกเวลาใช้คอมทำงานมากขึ้นเป็นเท่าตัว

  1. สร้างชีวิตที่ดีขึ้นได้ ด้วยการเชื่อมต่อกับคนที่คุณห่วงใยได้มากเท่าที่ต้องการ

การมีชีวิตที่ดี ก็ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ที่ดีด้วย Windows 11 มอบประสบการณ์ใหม่ให้ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อกับบุคคลที่คุณห่วงใยได้รวดเร็วยิ่งขึ้นด้วยการฝัง Microsoft Teams มาพร้อมในตัวเครื่อง ซึ่งอยู่บริเวณทาสก์บาร์เพื่อการเข้าถึงได้ง่าย ไว้ใช้สำหรับประชุมงานทางไกล เรียนออนไลน์ และติดต่อสื่อสารกับคนที่เรารักผ่านได้ทั้งข้อความ ภาพ เสียง หรือวิดีโอ หรือจะรับส่งไฟล์งานไปมาก็ได้ ข้อดีอีกอย่างคือรองรับการทำงานข้ามแพลตฟอร์มบนพีซีได้ทั้ง Windows, iOS และ Android ช่วยให้ติดต่อกันผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้สะดวก

เท่านั้นยังไม่พอ ในโลกที่คนนับล้านต้องใช้เวลามากขึ้นกับการประชุมออนไลน์ผ่านแอปต่างๆ Windows 11 ก็พร้อมอำนวยความสะดวก ลดโอกาสพลาดออกไมโครโฟน ด้วยปุ่มเปิด-ปิดเสียงตัวเองที่คลิกได้ทันทีไม่ว่าจะเปิดแอปไหนอยู่ และอีกหนึ่งฟังก์ชันสำหรับนักเดินทาง หรือ ถ้าเราอยากทำงานจากที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ Windows 11 ยังมาพร้อม Redocking ที่จะจดจำหน้าจอที่เราใช้งานครั้งล่าสุด เมื่อเรา unplug และไปเริ่มใช้งานใหม่อีกครั้ง ทุกอย่างก็จะกลับมาเหมือนเดิม ไม่ต้องเปิดใหม่ ผู้ใช้งานก็ไม่ต้องเสียเวลาจดจำงานหรือความบันเทิงต่างๆ ที่เปิดทิ้งไว้อีกต่อไป

  1. อัปเดตทันทุกเหตุการณ์ได้ก่อนใคร กับเครื่องมือคุณภาพที่คุมการทำงานด้วยAIในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามาแทรกซึมอยู่ในชีวิตประจำวัน การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่แต่ละคนสนใจได้ก่อนใครถือเป็นเรื่องได้เปรียบ Windows 11 มาพร้อมเบราว์เซอร์ประสิทธิภาพสูง Microsoft Edge และได้นำ Widgets ฟีดส่วนบุคคลที่เคยมีให้ใช้ใน Windows 7 กลับมาให้ใช้งานอีกครั้งในรูปแบบใหม่ พร้อมไอคอนของตัวเอง ขับเคลื่อนโดย AI ที่ช่วยรวบรวม และคัดกรองข้อมูลที่ถูกใช้งานบ่อยๆ รวมถึงให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่สนใจ ข่าวพยากรณ์อากาศ ตารางนัดหมายอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งสามารถปรับแต่งเพิ่มลด Widgets ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์การใช้งานของตัวผู้ใช้แต่ละคนได้ด้วยเช่นกันส่วน Microsoft Store หน้าร้านดาวน์โหลดแอปของ Windows ก็ผ่านการปรับโฉมใหม่ทั้งหมดให้มีความหลากหลาย เอื้อต่อการค้นหาและดาวน์โหลดแอปฯ มาใช้งานได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น และมีแอปฯ ใหม่มาลงอีกเพียบ ช่วยต่อยอดประสบการณ์ที่มีความหมาย และเชื่อมต่อเรื่องราวถึงกันได้อย่างลงตัว
    1. สัมผัสชัยชนะในเกมสำคัญด้วยประสิทธิภาพที่เหนือชั้นบนพีซีเกมที่ทรงพลังที่สุด

    Windows 11 ให้คุณได้เล่นเกมที่ระดับมาตรฐานสูงสุด ชิงความได้เปรียบเหนือคู่ต่อสู้ผ่านการปลดล็อกฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ให้ทำงานได้เต็มศักยภาพ เสริมด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่โดดเด่นทำให้การเล่นเกมมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น Auto HDR ที่แต่งแต้มสีสันและแสงเงาในหลายๆ เกมให้ยิ่งสดใส สะดุดตา บนหน้าจอที่รองรับ HDR แม้ว่าตัวเกมจะไม่รองรับ HDR ก็ตาม พร้อมเต็มอิ่มกับประสบการณ์การเล่นเกมด้วยภาพกราฟิกคุณภาพสูงที่สมจริง และอัตราเฟรมที่ลื่นไหลด้วยด้วย DirectX 12 Ultimate ทั้งยังรองรับเทคโนโลยีDirectStorage สามารถส่งข้อมูลเกมจาก SSD ไปการ์ดจอโดยตรงช่วยให้โหลดตัวเกมและฉากในเกมได้เร็วขึ้นกว่าที่เคย

    1. ล้ำหน้าด้วยนวัตกรรมใหม่ สร้างระบบนิเวศการทำงานเพื่อรับมือโลกแห่งอนาคต

    Windows 11 มาพร้อมตัวเลือกอุปกรณ์ที่หลากหลายที่สุด ทั้งการ ปรับปรุงระบบสัมผัสให้ทำงานได้ดีขึ้น รองรับการสั่งงานด้วยเสียง แป้นพิมพ์สัมผัสใหม่พร้อมธีม และการเชื่อมต่ออุปกรณ์อัจฉริยะที่รองรับครบครันทั้งเมาส์ ปากกา และหน้าจอแบบสัมผัส ให้ทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัว พร้อมมอบความสะดวกสบายและประสิทธิภาพในการใช้ชีวิตได้ดียิ่ง ในส่วนฟังก์ชันของปากกาสไตลัสนั้นได้รับการปรับแต่งให้น่าใช้ ส่งมอบอิสระในทุกลายเส้น ลื่นไหลกับทุกการขีดเขียนที่เป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่าการทำงานของปากกาได้ด้วยเช่นกัน โดยแตะที่ไอคอนปากกาตรงบริเวณทาสก์บาร์ เปิดคำสั่ง Edit pen menu จากนั้นปักหมุดโปรแกรมที่ใช้งานบ่อยๆ เอาไว้ให้เรียกใช้ได้แบบทันท่วงที แถมมีโปรแกรมให้ปักหมุดอีกหลายโปรแกรม เช่น Paint และ Snipping tools เป็นต้น

    ไมโครซอฟท์มุ่งมั่นในการสร้างระบบนิเวศในการทำงานให้แข็งแกร่งรองรับเทรนด์การทำงานที่ต้องสะดวก รวดเร็ว ยืดหยุ่น และมีประสิทธิภาพไปพร้อมกัน โดยมั่นใจได้ว่าผู้ใช้งาน Windows 11 จะได้พบประสบการณ์ดิจิทัลในการทำงานที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งขยายโอกาสให้นักพัฒนา และสายงานครีเอเตอร์ได้ต่อยอดงานอย่างสร้างสรรค์อย่างไร้ขีดจำกัด ที่สำคัญไมโครซอฟท์ใจดีให้อัปเดตเป็นWindows 11 ฟรี! สำหรับอุปกรณ์ Windows 10 ที่มีคุณสมบัติตรงตามที่กำหนด[1] และถ้าอยากรู้ว่าพีซีเครื่องปัจจุบันพร้อมแล้วหรือยังที่จะอัปเกรดเป็น Windows 11 ก็สามารถดาวน์โหลดแอป PC Health Check ไปเช็กสภาพกันได้ที่ https://aka.ms/GetPCHealthCheckApp

    ไมโครซอฟท์ตั้งใจสร้างสรรค์ให้ Windows 11 เป็นเสมือนพื้นที่ปลอดภัยทางความคิดและความรู้สึกที่เข้ามาช่วยขยายศักยภาพการทำงาน ยกระดับประสบการณ์ในการเรียนรู้ ควบคู่ความบันเทิงในทุกแขนง และเชื่อมต่อถึงกันได้อย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น พร้อมกันหรือยังกับการใกล้ชิดกับสิ่งที่รักและคนที่รักมากยิ่งกว่าเดิม เร็วๆ นี้กับ Windows 11

    สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟีเจอร์ใหม่ๆ ใน Windows 11 สามารถค้นหาได้ที่นี่

เตรียมเป็นเจ้าของ vivo X70 Series 5G สมาร์ตโฟนเรือธงตัวท็อปก่อนใคร

เปิดให้จองแบบ Blind Booking แล้ว ตั้งแต่วันนี้ – 7 ตุลาคม 2564

vivo แบรนด์สมาร์ตโฟนชั้นนำระดับโลก เตรียมให้ท่านได้เป็นเจ้าของกลุ่มแรกของสมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นท็อปสุดอย่าง vivo X70 Series 5G สมาร์ตโฟนที่จะมากำหนดนิยามใหม่แห่งการถ่ายภาพด้วยกล้องที่พัฒนาร่วมกับ ZEISS โดยเปิดจองล่วงหน้าสุด Exclusive แบบ Blind Booking แล้ว ตั้งแต่วันนี้ – 7 ตุลาคม 2564

พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษเมื่อทำการจองล่วงหน้า! รับทันทีส่วนลดพิเศษสูงสุด 2,000 บาท และของสมนาคุณรวมมูลค่ากว่า 12,000 บาท ได้แก่หูฟัง vivo TWS รุ่นใหม่ล่าสุด, VIP Card และ Premium Gift Box

ลูกค้าที่สนใจสามารถจองล่วงหน้าได้แล้ววันนี้ที่ vivo Brand Shop ทุกสาขาและตัวแทนจำหน่าย BaNANA, IT City, CSC, Jaymart, TG FONE, KINGKONG, BKK, แม่วังสื่อสาร, Power Mall, Stamp และ PTE หรือจองผ่านช่องทางออนไลน์ที่ vivo Official Store ที่ลิงก์ https://bit.ly/3ugwcDa

หัวเว่ย ประกาศรายชื่อสตาร์ทอัพผู้ชนะจากงาน “Spark Ignite 2021 – Thailand Start up Competition”

กรุงเทพฯ, 29 กันยายน 2564 – บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ประกาศผลการตัดสินผู้ชนะเลิศโครงการแข่งขันสำหรับสตาร์ทอัพเทคโนโลยี “Spark Ignite 2021 – Thailand Start up Competition” โดยหัวเว่ยได้รับความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญในด้านอุตสาหกรรมต่างๆ มาร่วมให้คำแนะนำและคำปรึกษาแก่สตาร์ทอัพ มีจุดประสงค์เพื่อสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพไทยให้เติบโตในระดับภูมิภาค และเป็นการช่วยประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการของสตาร์ทอัพไทย พร้อมทั้งช่วยยกระดับทักษะด้านดิจิทัลในประเทศ ตามพันธกิจของหัวเว่ยที่จะส่งเสริมประเทศไทยสู่การขึ้นเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลแห่งอาเซียน

ซึ่งสามทีมที่คว้าชัยชนะจากทั้ง 132 ทีมทั่วประเทศที่เข้าร่วมแข่งขัน ได้แก่ ReverseAds ผู้ให้บริการด้านแพลตฟอร์มโฆษณาออนไลน์ คว้ารางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่ง Zipevent ผู้ให้บริการด้านการจัดงานอีเวนท์ระบบออนไลน์ และ ChillPay แพลตฟอร์มการชำระเงินแบบครบวงจร คว้ารางวัลอันดับที่ 2 และ 3 ตามลำดับ ทั้งนี้ รวมมูลค่าที่ทั้งสามทีมจะได้รับรางวัลเป็น HUAWEI CLOUD Credit กว่า 9 ล้านบาท และจะได้โอกาสในการเข้าร่วมโครงการ Huawei Spark program เพื่อรับคำปรึกษาในด้านธุรกิจ และใช้ทรัพยากรด้านเทคโนโลยีจากหัวเว่ย รวมถึงการแนะนำพาร์ทเนอร์เพื่อโอกาสในการก้าวสู่ระดับโลกต่อไป ภายในงานดังกล่าวได้รับเกียรติจาก นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และนายอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมให้โอวาทและแสดงความยินดีแก่ทีมผู้เข้าแข่งขัน พร้อมด้วยคณะกรรมการอันทรงคุณวุฒิจากหลากหลายวงการให้เกียรติเข้าร่วมการตัดสินรอบชิงชนะเลิศในครั้งนี้ ประกอบด้วย ดร.ชินาวุธ ชินะประยูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า, นายปริวรรต วงษ์สำราญ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรรมแห่งชาติ (NIA), ดร.มนต์ชัย เลิศสุทธิวงศ์ นักวิจัยและวิศวกร บริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG), นายไพศาล เจียรอุทัยธำรงค์ ผู้จัดการด้านการส่งเสริมและสนับสนุน ทัสพาร์ค ดับบลิวเอชเอ (TusPark WHA), นายอุดมศักดิ์ ดอนขำไพร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท แสนรู้ จำกัด, นายลีโอ เจียง ประธานบริหารด้านดิจิทัล หัวเว่ย คลาวด์ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค, ดร.ชวพล จริยาวิโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด และนายสุรศักดิ์ วนิชเวทย์พิบูล หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี แผนกธุรกิจคลาวด์ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ทั้งนี้ ปัจจัยด้านโอกาสในการทำตลาด รูปแบบบริการและธุรกิจ จุดขาย โอกาสทางธุรกิจ รวมไปถึงความแข็งแกร่งของทีมผู้เข้าแข่งขัน ถูกใช้เป็นเกณฑ์หลักในการตัดสินครั้งนี้

การแข่งขันโครงการ “Spark Ignite 2021 – Thailand Start up Competition” ดำเนินอย่างเข้มข้น โดยตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้เข้าแข่งขันกว่า 132 ทีมจากหลากหลายภาคอุตสาหกรรมจากทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการเพื่อชิงตำแหน่งสุดยอดสตาร์ทอัพเทคโนโลยีระดับประเทศ โดยมี 10 ทีม ที่ผ่านเข้ารอบการตัดสินรอบชิงชนะเลิศประกอบด้วยผู้ส่งมอบบริการและผลิตภัณฑ์ที่ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะหลากหลายประเภท เช่น ทีมที่พัฒนา AI ซึ่งสามารถช่วยซื้อขายและปรับตัวตามตลาดการเงินได้อย่างอัตโนมัติ แอปพลิเคชันอีคอมเมิร์ซด้านบริการความงามทั่วประเทศไทย รวมไปถึงแพลตฟอร์มสำหรับรวบรวมการซื้อขายเครดิตพลังงานสะอาด (Renewable Energy Credit) สำหรับผู้ผลิตพลังงานรายย่อยในประเทศไทย เป็นต้น

สำหรับผู้คว้าอันดับ 1 ในเวทีนี้ได้แก่ ทีม ReverseAds ผู้ให้บริการด้านแพลตฟอร์มโฆษณาออนไลน์ที่ใช้เทคโนโลยี Machine Learning จากจังหวัดภูเก็ต นำโดยนายไมเคิล ฮาร์น (Michael Hahn) ประธานกรรมการบริหาร ให้สัมภาษณ์ว่า “ผมตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจากการแข่งขันในครั้งนี้ เทคโนโลยีคลาวด์ถือเป็นหัวใจสำคัญในการนำมาใช้พัฒนาต่อยอดบริการของเรา และ HUAWEI CLOUD ก็เป็นหนึ่งในบริการคลาวด์ระดับโลกที่ดีที่สุด ซึ่งเราจะนำรางวัล HUAWEI CLOUD Credit และการสนับสนุนเทคโนโลยีด้านอื่น ๆ ของหัวเว่ยไปพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีของแพลตฟอร์มโฆษณาออนไลน์ของเราต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ AI เพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพระบบ Machine Learning ของเรา และการเพิ่มระบบ หลังบ้านเพื่อให้สามารถรองรับจำนวนผู้ใช้งานได้มากขึ้น พร้อมกับการจับตลาดทั่วโลก”

ทั้งนี้ ReverseAds ถือเป็นแพลตฟอร์มโฆษณาออนไลน์ที่ใช้เทคโนโลยี AI มาคาดการณ์พฤติกรรมว่าผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจะใช้งานเว็บไหนต่อไป และจะยิงโฆษณาไปในเว็บไซต์นั้น ๆ ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายโดยที่ไม่ใช้คุกกี้ (Cookies) โดยทางบริษัทตั้งเป้าหมายว่าจะเติบโตเป็นบริษัทสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์น มูลค่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ให้ได้ภายในระยะเวลา 3 ปี จ้างบุคลากรในประเทศไทยเพิ่มให้ได้ถึง 1,000 คน และผันตัวเป็นคู่แข่งด้านการโฆษณาออนไลน์กับ Google เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับนักการตลาดในประเทศไทยที่ต้องการทำโฆษณาออนไลน์ และทีม Reverse Ads ที่ชนะเลิศอันดับ 1 ในโครงการนี้ จะได้รับ HUAWEI CLOUD Credit คิดเป็นมูลค่ากว่า 125,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 4,000,000 บาท รวมถึงสิทธิ์ในการเข้าร่วมโครงการ Huawei Spark program เช่น โครงการ Huawei Spark Fire, และโครงการ Spark Go China ที่มีเป้าหมายเพื่อบ่มเพาะและช่วยยกระดับการเติบโตของธุรกิจสตาร์ทอัพเทคโนโลยี เพื่อสร้างอีโคซิสเต็มด้านดิจิทัล

ทีมอันดับ 2 และอันดับ 3 ที่ชนะในการแข่งขันโครงการ Spark Ignite 2021 – Thailand Start up Competition ได้แก่ ทีม Zipevent ซึ่งเป็นบริการด้านการจัดงานอีเวนท์ผ่านระบบออนไลน์แบบครบวงจร และทีม ChillPay แพลตฟอร์มการชำระเงินที่ดำเนินธุรกรรมทางการเงินให้แก่ผู้ประกอบการอย่างรวดเร็วทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ตามลำดับ ทั้งนี้ ทีม Zipevent มองว่าการชนะรางวัลอันดับ 2 จากงานในครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการทำงานร่วมกับหัวเว่ย โดยทางบริษัทจะใช้ HUAWEI CLOUD Credit เพื่อช่วยลดต้นทุนการประกอบธุรกิจ รวมถึงประยุกต์ใช้เทคโนโลยี VDO Livestreaming, Data Mining รวมถึงเทคโนโลยี VR จากหัวเว่ยเพื่อต่อยอดการให้บริการการจัดอีเวนท์ทั้งแบบออนไลน์ ออฟไลน์ และไฮบริด ทั้งยังตั้งเป้าขยายตลาดไปในอีก 12 ประเทศ รวมถึงประเทศจีน ให้ได้ภายในระยะเวลา 3 ปี และสำหรับทีม ChillPay ถือว่าเป็นการได้ร่วมทำงานกับหัวเว่ยเป็นครั้งแรกและถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ต่อยอดธุรกิจไปด้วยกัน โดยหัวใจสำคัญของแพลตฟอร์มการชำระเงินคือเรื่องความปลอดภัยและความยืดหยุ่นของระบบหลังบ้าน ซึ่งเทคโนโลยีของ HUAWEI CLOUD ถือว่าสามารถตอบโจทย์ทั้งสองด้านนี้ได้ ทั้งนี้ทีมรองผู้ชนะจะได้รับ HUAWEI CLOUD Credit มูลค่า 80,000 ดอลลาร์สหรัฐ และสามารถเข้าร่วมโครงการ Huawei Spark program เช่น โครงการ Spark Go China

นอกจากนี้ ทีมที่เข้าร่วมการประกวดอีก 6 ทีม ได้แก่ อันดับ 4 ทีม Zupport และ อันดับ 5 Blockfint แต่ละทีมจะได้รับ HUAWEI CLOUD Credit มูลค่า 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ และทีมผู้ที่ได้รับรางวัลชมเชย ได้แก่ FoodDee, Snappink, PolarBear 100X และ ElysianNxt ทุกทีมจะได้รับ HUAWEI CLOUD Credit มูลค่า 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ

เวทีนี้ยังได้รับเกียรติจากนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมรับชมการแข่งขันและกล่าวถึงโครงการว่า “Spark Ignite 2021 – Thailand Start up Competition” ว่า “เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศท่ามกลางช่วงเวลาวิกฤติ ธุรกิจสตาร์ทอัพถือเป็นขุมพลังสำคัญสำหรับการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ผมต้องขอขอบคุณหัวเว่ยที่ได้มุ่งมั่นสนับสนุนการเติบโตของ ecosystem ในประเทศไทย รวมถึงช่วยทำให้เร่งการเติบโตของสตาร์ทอัพให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ก้าวสู่ธุรกิจระดับโลกต่อไป เป็นการเพิ่มศักยภาพไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งจะส่งเสริมให้ประเทศไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางดิจิทัลแห่งอาเซียน”

ด้าน ผศ. ดร. ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้กล่าวถึงความร่วมมือในโครงการนี้ว่า “ดีป้าให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและสนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการดิจิทัล สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีของไทยให้เติบโตอย่างเข้มแข็ง ซึ่งความร่วมมือโครงการ Huawei Spark Ignite 2021 – Thailand Start up Competition เป็นการช่วยผลักดันดิจิทัลสตาร์ทอัพของไทยให้เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ขอแสดงความยินดีกับทีมที่ชนะการแข่งขันครั้งนี้ โดยดีป้าเชื่อมั่นว่าผู้ที่เข้าร่วมแข่งขันจะได้รับประสบการณ์ไปปรับใช้เพื่อเป็นประโยชน์และเพิ่มโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจ และขอขอบคุณหัวเว่ยที่ได้ให้ความสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถของดิจิทัลสตาร์ทอัพไทย ให้สามารถก้าวสู่ตลาดโลกได้”

นายอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด เน้นถึงเป้าหมายของโครงการ Spark Ignite 2021 – Thailand Start up Competition ว่า “โครงการนี้เป็นความร่วมมือที่ดีระหว่างหัวเว่ยและพาร์ทเนอร์ในไทย เป็นการเปิดประตูสู่การแบ่งปันองค์ความรู้และกรณีศึกษาต่าง ๆ ก่อให้เกิดนวัตกรรมไอเดียใหม่ๆ หัวเว่ยต้องขอขอบคุณภาครัฐและพาร์ทเนอร์ภาคเอกชนต่างๆ ที่ให้ความร่วมมือและทำให้เกิดเวทีที่ส่งเสริมการแสดงศักยภาพของสตาร์ทอัพไทยในครั้งนี้ ในฐานะที่หัวเว่ยเป็นพาร์ทเนอร์ ICT ชั้นนำระดับโลกและร่วมสนับสนุนคุณค่าทางสังคมในประเทศไทยมานานกว่า 22 ปี เรายังคงมุ่งมั่นในพันธกิจเติบโตในประเทศไทย สนับสนุนประเทศไทย เพื่อนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้าหาทุกผู้คน ทุกครัวเรือน และทุกองค์กร เพื่อทำให้ประเทศไทยเชื่อมต่อได้อย่างอัจฉริยะอย่างทั่วถึง”

DJI Osmo Action Camera ชนจังๆ งานนี้ GoPro มีสะเทือน

DJI ยังคงเดินหน้านำเสนอกล้องรูปแบบใหม่ตอบโจทย์วิถีชีวิตของคนติดไลฟ์ติดแชร์ในยุคนี้ ปีที่แล้วก็ตื่นตาตื่นใจไปแล้วรอบหนึ่งกับ DJI Osmo Pocket กล้องจิ๋วที่มาพร้อม Gimbal ในตัวที่มีขนาดโดยรวมเท่าฝ่ามือแค่นั้นเอง ใส่กระเป๋าเสื้อพกพาไปไหนได้สบายๆ

แรกทีเดียวก็คิดว่าจะมาแข่งกับ Action Cam เจ้าตลาดอย่าง GoPro หรือเปล่า แต่ด้วยรูปแบบที่ยังไม่สามารถลุยได้เต็มที่ก็เรียกว่ายังเป็นคนละตลาดกัน แต่ครั้งนี้ชนกันจังๆ แน่นอนกับกล้องรุ่นใหม่ของ DJI ตัวนี้ Osmo Action Camera ที่จะเปิดตัววันที่ 15 พฤษภาคม 2019 งานนี้จับกระเป๋าสตางค์ให้แน่น

DJI Osmo Action Camera มาในรูปแบบที่เหมือนกับ Action Cam อื่นๆ หรือ GoPro เลย หรือจะเปรียบเทียบง่ายๆ รูปทรงและรูปแบบนี่คล้าย GoPro เลย มีจอหน้า มีจอหลัง เลนอยู่ทางซ้าย แต่ก็มีความต่างที่เป็นเอกลัษณ์ของตัวเองที่คาดว่าจะเป็นจุดเด่นของตัวเองอย่างเช่น จอหน้าจะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ แม้ว่าจะไม่ใหญ่เท่ากับ Sony RX0 II แต่ก็ใหญ่กว่า GoPro อาจจะดูภาพขณะถ่าย Vlog ผ่านจอด้านหน้าได้ด้วย ตัวเลนเป็นทรงกลม ดูจากภาพคล้ายๆ ว่าจะหมุนเพื่อเปลี่ยนเลน์ได้ ก็ต้องรอดูกันอีกไม่กี่วันนี้ และจากภาพนับถอยหลังสู่การเปิดตัวบนเว็บไซต์ของ DJI ซึ่งเป็นภาพใต้น้ำก็คงจะสื่อถึงการที่ DJI Osmo Action Camera สามารถกันน้ำได้

เรื่องสเป็คไม่อยากเดาเยอะ อีกไม่กี่วันก็รู้เรื่องกันแล้ว แต่คงไม่พลาดว่าสามารถรองรับการถ่ายวิดีโอระดับ 4K60p ได้อย่างแน่นอน โหมดอื่นๆ อย่าง HDR, Slo-mo, Time-lapse ฟีเจอร์พวกนี้ก็คงไม่พลาดที่ DJI จะใส่มาให้ด้วย

ที่น่าสนใจมากกว่าคือเรื่องของความสามารถในการกันสั่นและสำคัญที่สุดคือราคา จะเปิดตัวมาที่ราคาเท่าไร? อีกไม่กี่วันรู้เรื่อง

iMac อัปเกรดชิปใหม่แรงขึ้น 2 เท่า

ใครที่กำลังจะซื้อ iMac แล้วกำลังคิดว่าจะรอดูก่อนดีไหมเผื่อมีอะไรใหม่ออกมา ตอนนี้เป็นเวลาที่ดีแล้ว เพราะ Apple ได้อัปเกรดสเป็กของ iMac แล้วแบบเงียบๆ ถ้าเข้าไปดูในเว็บไซต์จะเห็นสถานะที่เมนูของ iMac จะมีคำว่า “ใหม่” แสดงอยู่

สิ่งที่ iMac ได้รับการอัปเกรดก็คือส่วนของชิปประมวลผลที่ตอนนี้รุ่นหน้าจอ 21.5 นิ้วจะมาพร้อม ชิปประมวลผล Intel รุ่นที่ 8 แบบ 6-core ส่วนรุ่นหน้าจอ 27 นิ้วจะมาพร้อมชิปประมวลผล Intel รุ่นที่ 9 แบบ 6-core จากการอัปเกรดในส่วนของชิปประมวลผลนี้ทาง Apple บอกว่าจะทำให้ iMac เร็วขึ้นถึง 2 เท่า

ทั้งนี้การอปัเกรดดังกล่าวมีผลเฉพาะรุ่นที่เป็นหน้าจอ 4K และ 5K เท่านั้น นั่นหมายความว่า iMac รุ่นเริ่มต้นหน้าจอ 21.5 นิ้ว แบบ sRGB ความละเอียด 1920×1080 รุ่นเดียวเท่านั้นที่จะไม่ได้รับการอัปเกรด

จีนเปิดตัว Xin Xiaomeng ผู้ประกาศข่าวหญิง AI คนแรกของโลก

จีนไม่เพียงเป็นประเทศไทยมีความเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ ในด้านเทคโนโลยีจีนก็มีการพัฒนาไปไกลมากจนหลายๆ อย่างเรียกได้ว่าล้ำหน้าหลายๆ ประเทศไปแล้ว เช่นเรื่องของการพัฒนา AI หรือหุ่นยนต์ปัญหาประดิษฐ์

เทคโนโลยีหนึ่งเกี่ยวกับ AI ที่จีนมีความก้าวหน้าคือ เรื่องของการพัฒนาผู้ประกาศข่าว AI ซึ่งในช่วงปลายปี 2018 เคยเปิดตัวผู้ประกาศข่าวชายไปแล้ว มาถึงต้นปี 2019 ได้มีการเปิดตัวผู้ประกาศข่าวหญิงบ้าง ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกของโลกเลยทีเดียว

การพัฒนาผู้ประกาศข่าว AI ทั้งชายและหญิงเป็นโครงการที่เป็นความร่วมมือกันระหว่างสำหนักข่าวซินหัวและโซวโก่ว (Sogou) บริษัทผู้ผลิตเว็บไซต์ค้นหาข้อมูลรายใหญ่ของจีน โดยผู้ประกาศข่าวหญิง AI รายนี้มีชื่อว่า ซิน เสี่ยวเหมิง (Xin Xiaomeng) ถูกพัฒนาให้สามารถอ่านข่าวได้ชนิดที่ว่าเนียนมากทั้งลักษณะท่าทางและการพูดจา ซึ่งถ้าดูในวิดีโอจะเห็นว่าหากไม่บอกว่านี่คือ AI คงไม่มีใครรู้อย่างแน่นอน

การกำหนดลักษณะท่าทางให้กับ ซิน เสี่ยวเหมิง (Xin Xiaomeng) ผู้พัฒนาได้อ้างอิงและอาศัยพื้นฐานจาก ชีว์ เหมิง ผู้ประกาศข่าวของสำนักข่าวซินหัวที่มีตัวตนอยู่จริงมาประยุกต์ใช้กับ AI

ซิน เสี่ยวเหมิง ถูกพัฒนาขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ในการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งสามารถทำงานได้ 24 ชั่วโมงไม่ว่าจะบนแพลตฟอร์มใดก็ตาม

เป็นอีกหนึ่งการพัฒนาที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพทางด้านเทคโนโลยีของจีนที่มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง

Elon Musk เปิดเสรีสิทธิบัตร Tesla เพื่อประโยชน์ในการพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าร่วมกัน

สมกับเป็นนักธุรกิจแถวหน้าที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงสำหรับ Elon Musk ที่มักจะมีแนวคิดและการกระทำที่เห็นแล้วต้องทึ่ง เช่นในครั้งนี้ที่มีการแชร์พร้อมกับคำชื่นชมในวงกว้างเกี่ยวกับเรื่องของการเปิดโอกาสให้ทุกคนที่สนใจเข้าถึงเทคโนโลยีที่เป็นสิทธิบัตรการพัฒนารถไฟฟ้าของ Tesla พร้อมนำไปพัฒนาต่อยอดได้โดยไม่มีความผิดใดๆ ทั้งนี้ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าต้องเป็นการนำไปใช้โดยสุจริต

เห็นแบบนี้แล้วหลายคนอาจเกิดคำถามว่า ทำไมใจกว้างเช่นนี้ ไม่กลัวคู่แข่งจะนำไปพัฒนาแล้วนำมาสู่การเป็นคู่แข่งทางธุรกิจกับตัวเองเหรอ ซึ่งตรงนี้ทาง Elon Musk ผู้ที่ประกาศชัดเจนทาง Twitter ว่า All our patent are belong to you กล่าวในทำนองที่ว่า ผู้ที่พัฒนาต้องร่วมมือกันเพื่อให้รถไฟฟ้าเกิดขึ้นได้และมีการใช้งานอย่างเป็นรูปธรรม การที่ Tesla ทำอยู่คนเดียวไม่อาจประสบความสำเร็จได้ ไม่ว่าจะในด้านของการแข่งขันกับคู่แข่งที่เป็นผู้ผลิตรถยนต์แบบเดิมก็ตาม หรือในแง่ของการตอบสนองต่อความต้องการของตลาดก็ตาม

นับว่าเทคโนโลยีซึ่งเป็นสิทธิบัตรของ Tesla นั้นเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากจริงๆ เหนือสิ่งอื่นใด แนวคิดของ Elon Musk นั้นสุดยอดย่ิงกว่าและน่าชื่นชมจริงๆ

กรองปราบฯ เตือน กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ไม่ปลอดภัย

ความสะดวกสบายเกี่ยวกับธุรกรรมออนไลน์ในปัจจุบันมาพร้อมกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่อาจทำให้เราสูญเงินในบัญชีได้ในพริบตาเช่นกรณีของกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่ตอนนี้ทางกรองปราบปรามได้มีการแจ้งเตือนทาง Facebook กองปราบปราม ให้ระวังการการทำธุรกรรมการเงินทางอินเทอร์เน็ต ก่อนที่จะกดยอมรับใดๆ ให้อ่านข้อมูลให้ถี่ถ้วนเสียก่อน ไม่เช่นนั้นอาจเกิดกรณีเช่นนี้

เตือนภัย‼️โกงเงินแบบใหม่ ดูดเงินในบัญชีธนาคารหมดเกลี้ยงภายในไม่กี่นาที

  • ในรอบเดือนที่ผ่านมา กองปราบได้รับแจ้งเข้ามาจากผู้เสียหายหลายรายว่า มีคนร้ายใช้กลโกงรูปแบบใหม่ ทำให้เงินในบัญชีของผู้เสียหายถูกโอนออกไปจนหมดภายในระยะเวลาไม่กี่นาที
  • โดยผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นผู้ขายสินค้าออนไลน์ ที่มักจะเปิดเผยเลขบัญชีธนาคาร และถูกคนร้ายเข้ามาทำทีเป็นลูกค้ามาขอซื้อสินค้าออนไลน์ และขอเลขเลขประจำตัวประชาชน เบอร์โทรศัพท์ และข้อมูลส่วนบุคคลอื่นๆ ในบัตรประชาชนของผู้เสียหาย
  • โดยคนร้ายจะนำเอาข้อมูลส่วนบุคคลเหล่านั้น ไปเปิดบัญชีกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ขึ้น และตั้งค่าบัญชีกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ให้เชื่อมเข้ากับบัญชีธนาคารของผู้เสียหาย
  • จากนั้น ผู้เสียหายจะได้รับการแจ้งเตือนผ่านโทรศัพท์มือถือ ในทำนองว่า “คุณต้องการที่จะให้บัญชีธนาคารของคุณเชื่อมต่อกับกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือไม่” แต่การแจ้งเตือนนั้นมีข้อความค่อนข้างยาว ทำให้ผู้เสียหายหลายรายไม่อยากอ่าน และมองว่าไม่น่าจะมีอันตรายอะไรเกิดขึ้น
  • เมื่อผู้เสียหายกด “ยอมรับ” หรือ “ตกลง” บน Mobile Banking App การเชื่อมบัญชีระหว่างบัญชี Mobile Banking ของผู้เสียหาย กับ บัญชีกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ของคนร้ายก็จะสมบูรณ์ ทำให้คนร้ายสามารถยักย้ายถ่ายโอนเงินออกจากบัญชีธนาคารของผู้เสียหาย ผ่านช่องทาง Mobile Banking ไปยังบัญชีกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ของคนร้ายจนหมดภายในเวลาไม่กี่นาที

จากการกระทำดังกล่าว จะเห็นได้ว่า คนร้ายฉวยโอกาสจากการที่ชีวิตผู้คนในปัจจุบัน นิยมความสะดวกสบาย ความรวดเร็ว ทำให้เกิดความเสียหายขึ้น…ด้วยความปรารถนาดี กองปราบขอเตือนให้ทุกท่านระมัดระวัง พยายามอย่าให้ข้อมูลส่วนตัวกับใคร และหากมีการแจ้งเตือนเข้ามาในโทรศัพท์ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงิน ขอให้ท่านอ่านข้อความที่แจ้งเตือนมานั้นให้ละเอียด หากอ่านแล้วไม่เข้าใจก็ยังไม่ต้องตอบตกลง เพราะไม่แน่ การแตะหน้าจอเพียงครั้งเดียว อาจจะทำให้เงินของท่านถูกถอนออกจนหมดบัญชีก็ได้

จะว่าไปแล้วในกรณีนี้ก็ไม่ใช่ว่าระบบไม่มีความปลอดภัย หากแต่อยู่ที่ผู้ใช้เองที่อาจเผลอเรอไปสักหน่อยในการที่จะตรวจสอบหรืออ่านข้อมูลการแจ้งเตือนใดๆ ให้ดีเสียก่อน ก่อนที่จะกดยอมรับธุรกรรมใดๆ

PlayStation Classic เครื่องเกมย้อนวัยของคนยุค 90

เราได้เห็นเครื่องเกมอย่างย้อนยุคกันมาบ้าง ตอนนี้ถึงคิวที่โซนี่จะเอาเครื่องเกมของตนอย่าง PlayStation ซึ่งได้รับความนิยมไม่แพ้ใคร เป็นเครื่องเกมในดวงใจของเด็กและวัยรุ่นมานานมาทำการย้อนยุคกับเขาบ้าง กับ PlayStation Classic

ถ้าคนสนใจก็สอยได้เลยเพราะเปิดตัวกันไปแล้วตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2018 เป็นวันเดียวกับที่ PlayStation รุ่นแรกได้เปิดตัวในปี 1994 เมื่อได้เห็นตัวเครื่องแว๊บแรกต้องบอกว่าใครที่อยู่ในยุค 90 เห็นแล้วคงอดคิดถึงช่วงเวลานั้นไม่ได้จริงๆ รูปแบบของเครื่องเหมือนเดิม เด๊ะๆ จะมีก็แต่ขนาดเท่านั้นที่ต่างๆ ไปจากเดิม มีขนาดเล็กพอๆ กับฝ่ามือเรานี่เอง

เรื่องของกล่องใส่ก็ยังอ้างอิงภาพและกราฟิกในยุคนั้นเลย โดยจะมีกล่องที่เป็นภาพรูปตัวเครื่องที่ชัดเจนกับกล่องที่เป็นภาพเส้นๆ ขีดๆ ก็จะแตกต่างกันไปตามโซนที่ขาย สำหรับอุปกรณ์ในกล่องที่ให้มาประกอบด้วยแน่นอนว่ามีตัวเครื่อง PlayStation Classic ซึ่งนอกจากดีไซน์ที่เหมือนเดิมแล้ว วัสดุที่ใช้ก็ยังเป็นพลาสติกที่คุ้นเคยอีกด้วย ได้จับได้สัมผัสกันแล้วรู้สึกย้อนยุคจริงๆ มีจอยสติ๊กให้ 2 ตัว เล่น 2 คนได้เลย จะเอาไปต่อเล่นเกมในคอมฯ ก็ได้นะเขามีอะแดปเตอร์ USB มาให้ด้วย (แต่เป็นจอยรุ่นที่ไม่มีระบบสั่นนะ) และมีสาย MicroUSB กับ HDMI รวมถึงคู่มือซึ่งถ้าเป็นเครื่องศูนย์ไทยก็จะเป็นคู่มือภาษาไทย

แต่อาจจะขัดใจนิดหน่อยตรงที่เรื่องของเกมเขากำหนดมาเลย หมายถึงใส่เกมมาให้แล้ว 20 เกม ไม่สามารถเปลี่ยน เพิ่ม หรือเลือกเกมได้ เกมที่ให้มาจากรายชื่อเกมถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าสนใจ มีเกมสนุกๆ หลายเกมที่หลายคนน่าจะชอบ และก็น่าเสียดายที่เกมยอดฮิตหลายเกมไม่ได้ถูกใส่มาให้ เช่น เกม  Winning 3, Castlevania หรือ Harvest Moon เป็นต้น

ซึ่งการเลือกเกมทางโซนี่ใช้วิธีการประมวลผลจากเกมยอดฮิตในแต่ละโซน ถ้าถามว่าแล้วทำไมเกมยอดฮิตที่คนไทยชอบหลายเกมไม่ติดโผ นั่นเป็นเพราะการประเมินความนิยมเขาไม่ได้นับจำนวนแผ่นที่ไม่ถูกลิขสิทธิ์น่ะสิ

สำหรับราคาค่าตัวก็ย่อมๆ ตามขนาดตัว 3,590 บาท ถ้าใครสนใจสามารถหาซื้อได้ที่ร้านเกมหรือศูนย์โซนี่ไทยได้เลย แม้จะไม่สามารถเพิ่มเกมได้ แต่ถ้าคิดว่าซื้อหามาเป็นที่ระลึกโดยได้เกมมาเล่น 20 เกมก็ถือว่าราคานี้ไม่แพงเลย

TicPods Free หูฟังไร้สายอัจฉริยะ ควบคุมทุกอย่างที่ตัวหูฟัง

บริษัท อินโนเวชั่นอีทีซี จำกัด ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการเพียงรายเดียวของ TicWatch และ TicPods Free ในประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทได้นำเข้าสมาร์ทวอช TicWatch เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมา ได้รับเสียงตอบรับอย่างดี โดยปัจจุบันมียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดบริษัทได้นำ TicPods Free หูฟังอัจฉริยะไร้สาย เข้ามาจัดจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ และคาดว่าจะได้รับการตอบรับอย่างดีอีกเช่นกัน เนื่องจาก TicPods Free เพียบพร้อมทั้งคุณสมบัติ Feature ในการใช้งานที่จะเปลี่ยนแปลงการใช้งานหูฟังไร้สายแบบเดิมๆ ไปทั้งหมด สามารถใช้ได้ทั้งกับ Android และ iOS มาพร้อมกับดีไซน์ล้ำสมัย และมีสีให้เลือกได้ตามความชอบถึง 3 สี

คุณสมบัติของ TicPods Free ได้แก่

  • ใช้ได้กับทั้งระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ และไอโอเอส สามารถใช้งาน Siri และ Google Assistant ได้
  • ควบคุมด้วยการสัมผัสที่ก้านหูฟัง TicPods Free เอง โดยมีคำสั่งที่สามารถใช้งานได้ ได้แก่ รูดขึ้นลงบนตัวหูฟังเพื่อปรับเสียง ดับเบิ้ลแท็บเพื่อรับหรือวางสายเมื่อมีสายโทรเข้า หรือดับเบิ้ลแท็บเพื่อข้ามเพลงที่กำลังเล่นอยู่ แตะค้างเป็นเวลา 2 วินาที เพื่อปฏิเสธสายที่โทรเข้า หรือแตะค้างเพื่อเรียกใช้งาน voice assistant
  • ตรวจจับการใช้งานหูฟังอัตโนมัติ (In-ear detection) หูฟังจะรู้ได้เองว่าเมื่อไหร่ที่อยู่ในหูคุณ และจะทำงานหรือเล่นเพลงทันทีเมื่อใส่ทั้ง 2 หู และหยุดเล่นเมื่อคุณถอดออก
  • ใช้งานได้ทั้ง 2 หูในระหว่างคุยโทรศัพท์ และเล่นเพลง
  • ไมค์ตัดเสียงรบกวนในการคุยโทรศัพท์ด้วยระบบลดเสียงรบกวนขั้นสูง ทำให้คู่สนทนาได้ยินเสียงของคุณอย่างชัดเจน
  • ได้ยินเสียงชัดเจนขึ้นด้วยดีไซน์ที่ออกแบบมาเฉพาะด้วยหลักการยศาสตร์ (Ergonomic) ที่ทำให้หูฟังบล็อกเสียงจากภายนอกที่จะลอดเข้ามาให้คุณได้ยิน มาพร้อมซิลิโคนหุ้มหูฟัง 2 ขนาดให้เลือกได้ตามความต้องการ
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้น โดยสามารถใช้งานได้นานสูงสุด 4 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ซึ่งการชาร์จแต่ละครั้งจะใช้เวลาเพียง 40 นาทีเท่านั้น และเมื่อใช้งานกับเคสชาร์จที่สามารถชาร์จได้อีกหลายครั้ง และพกพาสะดวก ทำให้ใช้งานได้รวมนานถึง 18 ชั่วโมง
  • กันน้ำระดับ IPX5 ทนฝน และเหงื่อได้
  • การออกแบบระดับรางวัล จาก Free boast Red Dot และ iF product design awards
  • มีให้เลือกถึง 3 สี คือ ขาว น้ำเงิน และแดง

TicPods Free ได้รับการพัฒนาโดย Mobvoi บริษัทปัญญาประดิษฐ์ (AI) ชั้นนำที่อยู่ภายใต้การสนับสนุนของ Google และ Volkswagen และโดดเด่นในเรื่องของการออกแบบ และการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อประสิทธิภาพและการใช้งานผลิตภัณฑ์ 

—————————————————————-

ข้อมูลทางเทคนิค TicPods Free :

รองรับระบบปฏิบัติการ

Android, iOS

รองรับการสั่งงานด้วยเสียง

Siri, the Google Assistant, Alexa

การเชื่อมต่อ

Bluetooth 4.2

การควบคุมด้วยการสัมผัส

ดับเบิ้ลแท็บ เลื่อน กดค้าง

Voice trigger

กดค้าง 2 วินาที

ควบคุมระดับเสียง

เลื่อน

ระดับการกันน้ำ

IPX5

อายุการใช้งานแบตเตอรี่ (เมื่อใช้กับเคส)

18 ชั่วโมง

อายุการใช้งานแบตเตอรี่ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (สำหรับการฟังเพลง)

4 ชั่วโมง

Speaker

95 dB SPL

Audio codec support

AAC & SBC

Fast-charging

ได้ (ชาร์จ 15 นาที ฟังเพลงได้ 85 นาที)

ตรวจจับการใช้งานหูฟังอัตโนมัติ

ได้

ตัดเสียงรบกวนขณะพูด

ได้

ตั้งค่าทันทีอย่างรวดเร็ว

ได้

ตัดเสียงรบกวนในการฟัง

ได้