น่ากลัวไปไหมถ้า Facebook ดักฟังโทรศัพท์เราได้ เพื่อหวังผลเรื่องโฆษณา

เรากำลังอยู่ในยุคของโซเชียลมีเดียที่ไม่ได้ให้ใช้กันฟรีๆ อีกต่อไป โดยเฉพาะในมุมของการใช้งานในเชิงธุรกิจ อย่างเช่น Facebook ที่มีการปรับวิธีการใช้งานหลายๆ อย่างอยู่เรื่อยๆ เช่น ลดในเรื่องของ Reach ส่งผลให้ทั้งยอดไลค์และการแสดงผลของสินค้าบนฟน้า Feed ลดลงอย่างน่าใจหาย

เป็นยุคที่แพลตฟอร์มทั้งหลายต่างก็ปรับกลยุทธ์ในการใช้งานเพื่อผลกำไรของบริษัท จนเกิดที่น่าตกใจที่อดคิดไม่ได้ว่า “จะต้องทำขนาดนี้เลย” และมีคำถามตามว่า “ทำจริงหรือเปล่า” กับเรื่องที่มีผู้ใช้ Facebook กลุ่มหนึ่งสันนิษฐานว่าแอปพลิเคชั่น Facebook กำลังดักฟังโทรศัพท์ของพวกเขาอยู่หรือเปล่า

เหตุการณ์ก็คือหลังจากที่ผู้ใช้กลุ่มนี้คุยโทรศัพท์กับเพื่อนหรือใครก็ตามแล้วมีการพูดถึง อ้างอิง หรือเอ่ยชื่อซึ่งมีคีเวิร์ดเกี่ยวข้องกับสินค้าใด ในวันรุ่งขึ้นบนหน้า Feed ใน Facebook ของพวกเขาจะมีโฆษณาสินค้าดังกล่าวปรากฏขึ้นมา

การแสดงสินค้าใดๆ บนหน้า Feed ที่กำลังอยู่ในความสนใจของผู้ใช้ Facebook ไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลก เพราะปัจจุบันระบบมีความฉลาดมากจะจดจำการเข้าไปค้นหาสินค้าในช่องทางต่างๆ บนโลกออนไลน์ของผู้คนแล้วนำมาแสดงผลซ้ำๆ เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจ

แต่ในกรณีของการคุยโทรศัพท์ที่ว่านี้ ผู้ใช้กลุ่มดังกล่าวบอกว่าสินค้าที่ตัวเองพูดถึง ตนไม่เคยไปค้นหาในช่องทางใดๆ บนโลกออนไลน์เลย เพิ่งจะเคยคุยโทรศัพท์กับเพื่อเท่านั้นแล้ว Facebook จะรู้ได้อย่างไร (ถ้าไม่ได้ดักฟังโทรศัพท์ ซึ่งอาจดักฟังผ่านแอปพลิเคชั่น)

มิหนำซ้ำผู้ใช้รายหนึ่งเธอชื่อ Tyler คุยกับเพื่อนขำๆ ถึงการที่หากผู้หญิงยืนฉี่ได้เหมือนผู้ชายบ้างคงจะดี วันรุ่งขึ้นบนหน้า Feed ของเธอก็มีโฆษณาชีวี่ (Shewee) หรืออุปกรณ์ยืนฉี่แสดงขึ้นมาเลย และมีอีกหลายเคสที่พบปรากฏการณ์น่าตกใจในลักษณะนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะคิดว่าพวกเขากำลังถูกดักฟัง

ทางด้าน Facebook ได้ตอบข้อสงสัยในกรณีนี้ว่าพวกเขาไม่มีนโยบายหรือไม่ได้มีการทำอย่างนั้นเด็กขาด เพราะถือว่าเป็นความผิดที่ร้ายแรงหากมีการตรวจพบ การที่ผู้ใช้ Facebook เข้าใจไปอย่างนั้นอาจเป็นผลมาจากประสิทธิภาพของการทำโฆษณาที่สามารถเข้าถึงและคาดเดาความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้

คงยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัด ครั้นจะเลิกใช้ Facebook บนโทรศัพท์ก็คงยาก เอาเป็นว่าถ้าแค่เสนอสินค้าที่คิดว่าเราน่าจะสนใจบนหน้า Feed ก็พอรับได้ แต่ถ้ามากไปกว่านี้ก็ต้องระวังกันล่ะ

Source : www.mirror.co.uk