ติดต่อผู้ให้บริการจดโดเมนไม่ได้ หายนะของคนทำเว็บไซต์

บทความโดย : กิตติ ภูวนิธิธนา

การทำเว็บไซต์มีอยู่ 2 องค์ประกอบที่ผู้ทำเว็บไซต์จะต้องจดและเช่าใช้บริการจากผู้ให้บริการคือ โดเมน และ โฮสติ้ง เมื่อพูดถึงปัญหาเกี่ยวกับ 2 องค์ประกอบที่กล่าวมา หลายคนมักจะมองไปที่โฮสติ้งว่าเป็นสิ่งที่มักสร้างปัญหาให้กับการทำและดูแลเว็บไซต์ ส่วนของโดเมนเมื่อจดชื่อโดเมนแล้วก็ไม่มีใครจะคิดถึงสักเท่าไร เรียกว่าไม่คิดถึงโดเมนอีกเลยจนกว่าจะถึงเวลาต่ออายุปีต่อไป

แต่โฮสติ้งกลับถูกมองว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมาของคนทำเว็บไซต์ เนื่องจากเป็นสิ่งที่สร้างปัญหาให้พบเจออยู่เนืองๆ เช่น เปิดเว็บไซต์ไม่ได้ เว็บไซต์โหลดช้า หรือว่าแบนด์วิธเต็ม ฯลฯ โดยเฉพาะหากใช้บริการกับผู้ให้บริการที่ไม่มีมาตรฐานหรือระบบที่ดีด้วยแล้ว จะทำให้เว็บไซต์มีปัญหาอยู่เสมอๆ

ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เฉพาะในส่วนของโฮสติ้งเท่านั้นที่มีโอกาสสร้างปัญหาได้ เรื่องของโดเมนก็มีโอกาสที่จะสร้างปัญหาให้กับคุณได้เช่นกัน ทั้งนี้ไม่ใช่ตัวโดเมนเอง แต่เป็นผู้ให้บริการจดโดเมน ปัญหาที่จะเขียนถึงนี้ไม่ได้เจอกันบ่อยๆ แต่ถ้าเจอขึ้นมาล่ะก็เป็นอะไรที่ชวนปวดหัวได้เลยทีเดียว อีกทั้งยังส่งผลกระทบในวงกว้างอีกด้วย

DOMAIN NAME

ปัญหาเรื่องของโดเมนที่ว่าก็คือ การที่ผู้ให้บริการจดโดเมนไม่สามารถติดต่อได้

ส่วนใหญ่แล้วกว่าที่เจ้าของเว็บไซต์จะรู้ตัวว่าผู้ให้บริการจดโดเมนมีปัญหาหรือไม่ก็ตอนที่ใกล้หรือถึงเวลาที่จะต้องอายุโดเมน แต่หากใช้บริการทั้งการจดโดเมนและโฮสติ้งด้วยก็อาจจะทำให้รู้ตัวเร็วหน่อย

การที่ไม่สามารถติดต่อผู้ให้บริการโดเมนได้จะส่งผลให้มีปัญหาอย่างไร นั่นก็คือ ความไม่สะดวกในการต่ออายุโดเมนนั่นเอง จากปกติที่เพียงแค่โอนเงินชำระค่าโดเมนให้กับผู้ให้บริการเท่านั้น หากติดต่อผู้ให้บริการไม่ได้เสียแล้ว คงเป็นการยากที่จะต่ออายุโดเมนหรือหากโชคไม่ดีอาจทำให้ไม่สามารถต่ออายุโดเมนได้อีกเลย นั่นหมายถึงเว็บไซต์ต้องปิดตัวลงโดยปริยาย

ในเบื้องต้นเจ้าของเว็บไซต์อาจจะลองติดต่อ Registra ที่ทำการจดโดเมนให้ด้วยตัวเอง แต่ก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะได้รับการตอบรับ ถ้าได้รับการตอบรับก็ถือว่าโชคดีไป แต่ถ้าทาง Registra ไม่ตอบรับนั่นหมายถึงว่าเจ้าของเว็บไซต์คงต้องทำใจในการที่จะต้องเสียเว็บไซต์ภายใต้ชื่อโดเมนดังกล่าวไป

เรื่องของชื่อโ

PDF Split เว็บไซต์แยกร่างแบ่งหน้าไฟล์ PDF

บทความโดย : กิตติ ภูวิธิธนา

PDF เป็นฟอร์แมตของไฟล์ที่นิยมใช้ในการรับส่งเอกสารต่างๆ การแปลงไฟล์จากไฟล์ภาพไปเป็น PDF แปลงไฟล์จากเอกสารไปเป็น PDF หรือไฟล์ต่างๆ นานาไปเป็น PDF ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะมีคำสั่งให้เลือกใช้อยู่แล้วในแโปรแกรมนั้นๆ หรือการจะแปลงไฟล์ PDF ไปเป็นไฟล์ฟอร์แมตอื่นๆ เช่น ไฟล์ภาพ ก็ทำได้ไม่ยาก

แต่ปัญหาหนึ่งที่หลายๆ คนมักจะพบอยู่เสมอๆ จริงๆ ถ้าใครที่ทำงานกับไฟล์ PDF อยู่เป็นประจำอาจจะสามารถใช้งานได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว แต่สำหรับคนที่มีโอกาสต้องใช้อยู่เนืองๆ เช่นตัวผมเองเป็นต้น ปกติก็จะต้องรับส่งไฟล์ PDF กับคนอื่นอยู่เรื่อยๆ แต่ก็เป็นเพียงการเปิดอ่าน อาจจะมีโน้ตลงในไฟล์ PDF บ้าง ซึ่งไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้านานๆ ทีเกิดต้องการที่จะใช้ไฟล์ PDF ที่มีอยู่ส่งให้คนอื่นๆ โดยส่งให้เฉพาะบางหน้าเท่านั้น เช่นอาจจะต้องการตัดหน้าแรกออก นี่สิ เป็นปัญหา

วิธีหนึ่งที่สามารถตอบสนองความต้องการดังกล่าวได้คือ การใช้งาน PDF Split ผ่านเว็บไซต์ www.splitpdf.com

วิธีการใช้งานง่ายมาก ไม่ต้องนั่งทำความเข้าใจอะไรมาก ก่อนหน้านั้นผมเคยใช้งานผ่าน Acrobat Pro ถ้าไม่ลืมว่าจะต้องทำยังไงก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร แต่การที่จะต้องไปนั่งความเข้าใจใหม่ก็ดูจะยุ่งยากและเสียเวลา มันแย่ตรงทีลองทำแล้วไม่สำเร็จนี่สิ

ผมเลยใช้วิธีนี้ดีกว่า เข้าเว็บไซต์ splitpsf เลย เราสามารถเลือกได้ว่าจะเปิดไฟล์ PDF จากไหน จากคอมพิวเตอร์ จาก Dropbox หรือ Google Drive

เมื่อเลือกไฟล์ที่ต้องการมาแล้ว ก็แค่ระบุหน้าของเอกสารหรือ PDF ลงไปในช่อง Page ว่าต้องการไฟล์ PDF จากหน้าไหนถึงหน้าไหน แล้วก็คลิกปุ่ม Split! แค่นี้ก็เป็นอันเรียบร้อย

ThingMaker เครื่องผลิตของเล่นสำหรับเด็กๆ

บทความโดย : กิตติ ภูวนิธิธนา

เครื่องพิมพ์ 3 มิติ หรือ 3D Printing แม้ว่าจะยังไม่เป็นที่แพร่หลาย แต่การพัฒนาก็ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดผู้ผลิตของเล่นชื่อดังอย่าง Mattel ได้พัฒนาเครื่อง 3D Printing สำหรับเด็กๆ ออกมา ในชื่อ ThingMaker โดยพัฒนาออกมาเพื่อให้เจ้าเครื่องที่ว่านี้เป็นเสมือนเครื่องผลิตของเล่น DIY สำหรับเด็กๆ เรียกว่าใครมีจินตนาการอย่างไร อย่างเล่นของเล่นแบบไหนก็ออกแบบและสร้างเองได้เลย

เป็นของเล่น (จริงๆ ต้องบอกว่าเป็นเครื่องสร้างของเล่นสินะ) ที่ผู้ใหญ่ได้เห็นยังอยากจะได้บ้างเลย

การทำงานของตัวเครื่อง ThingMaker ก็เหมือนกับการทำงานของเครื่อง 3D Printing เครื่องหนึ่ง แต่การที่เด็กๆ จะออกแบบของเล่นตามจินตนาการของตนเองตลอดจนสั่งให้เครื่องพิมพ์หรือผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ออกมาให้ได้นั้น ก่อนอื่นจะต้องไปทำการออกแบบในโปรแกรม ThingMaker Desing เสียก่อน

โปรแกรม ThingMaker Design จะเป็นแอปพลิเคชั่นที่สามารถใช้งานได้ทั้งบนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต รองรับทั้งระบบปฏิบัติการ Android และ iOS แอปพลิเคชั่น ThingMaker Design นี้เป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่าง Mattel และ AutoDesk ผู้พัฒนาโปรแกรมกราฟิกชื่อดัง

การออกแบบก็จะเป็นการทำงานเหมือนกับโปรแกรมออกแบบชิ้นงาน 3 มิติ สามารถมองเห็นรูปทรงต่างๆ ได้อย่างรอบด้าน เมื่อได้แบบตามที่ต้องการแล้วก็สามารถสั่งพิมพ์ชิ้นส่วนผ่าน Wi-Fi ได้ทันที

เป็นของเล่นหรือเครื่องสร้างของเล่นที่น่าสนใจมาก งานนี้ผู้ใหญ่ได้แย่งเด็กเล่นสนุกสนานแน่ๆ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : thingmaker.com

SaaS บริการที่ SMEs ต้องทำความรู้จักและพิจารณาเพื่อนำไปใช้

บทความโดย : กิตติ ภูวนิธิธนา

พร้อมๆ กับเทคโนโลยีของอุปกรณ์ไอทีที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดจนการพัฒนาของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ส่งผลให้การใช้หรือทำงานกับระบบปฏิบัติการกำลังจะเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน จากเดิมที่การใช้งานอุปกรณ์ เช่น คอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ้กจะต้องมีการคำนึงถึงทรัพยากรของเครื่องเป็นสำคัญเพื่อให้สามารถรองรับกับซอฟต์แวร์ที่ต้องการจะใช้งานได้

แต่ในขณะนี้แนวโน้มของการพิจารณาเลือกใช้อุปกรณ์อย่างคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ้กกำลังเปลี่ยนไป ทรัพยากรของเครื่องไม่ใช่สาระสำคัญเสียทีเดียว สิ่งที่สำคัญและได้รับความสนใจอย่างมากในขณะนี้คือ เรื่องของความสะดวกในการพกพา อรรถประโยชน์ในการใช้สอย และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่สะดวก

แน่นอนว่าการเลือกคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ้กเพื่อทำงานกับซอฟต์แวร์บางอย่างบางโปรแกรมยังคงจำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงทรัพยากรที่เพียงพอ เช่น การทำงานทางด้านมัลติมีเดีย เป็นต้น แต่การใช้งานซอฟต์แวร์อีกหลายๆ ประเภทแทบจะไม่ต้องคำนึงถึงสเป็คของเครื่องที่ใช้งานมากนัก บางซอฟต์แวร์หรือการใช้งานของบางคนอาจจะไม่ต้องคำนึงถึงคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ้กเลยเสียด้วยซ้ำ เพราะสามารถใช้สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตทำงานได้อย่างเบ็ดเสร็จ

สาเหตุที่ไม่จำเป็นต้องใช้งานอุปกรณ์อย่างคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ้กที่มีสเป็คสูงมากนั้นเป็นผลมาจากความเปลี่ยนแปลงหรือรูปแบบการใช้งานซอฟต์แวร์ที่เปลี่ยนไปจากเดิมที่ซอฟต์แวร์จะต้องถูกติดตั้งและประมวลผลบนคอมพิวเตอร์ ไปเป็นการใช้งานซอฟต์แวร์ผ่าน Cloud Computing นั่นเอง

ถ้าจำไม่ผิดผมน่าจะเคยเขียนถึง Cloud Computing ไปบ้างแล้ว โดยการให้บริการของ Cloud Computing แบ่งเป็น 3 ประเภทหลักๆ คือ Infrastructure-as-a-Service (IaaS) ,
Platform-as-a-Service (PaaS) 
และ Software-as-a-Service (SaaS)

ในส่วนของ Software-as-a-Service หรือ SaaS นี้เองที่เป็นส่วนของการใช้งานซอฟต์แวร์ผ่าน Cloud โดยในขณะนี้ผู้ให้บริการต่างก็มีการพัฒนาซอฟต์แวร์ต่างๆ ขึ้นมาเพื่อนำเสนอโซลูชั่นให้กับผู้ใช้งานหรือกลุ่มธุรกิจต่างๆ ด้วย ไม่เฉพาะเพียงแค่การให้บริการโครงสร้างหรือแพลตฟอร์มเท่านั้น

ซอฟต์แวร์ที่สามารถใช้งานผ่าน Cloud Computing ไม่ใช่ซอฟต์แวร์อะไรที่ไกลตัวคนทำงานอย่างเราๆ เลย ไม่ใช่ซอฟต์แวร์สำหรับโปรแกรมเมอร์หรือวิศวกรคอมพิวเตอร์แต่อย่างใด ซอฟต์แวร์ภายใต้การบริการ SaaS มีทั้ง ซอฟต์แวร์สำหรับผู้ค้าปลีก ซอฟต์แวร์ทางบัญชี ซอฟต์แวร์บริหารจัดการโรงแรม และอื่นๆ อีกหลากหลาย จะเห็นว่าล้วนเป็นซอฟต์แวร์ที่บริษัทห้างร้านหรือองค์กรต่างก็มีใช้กันทั้งสิ้น บางองค์กรต้องใช้ทุกซอฟต์แวร์ที่กล่าวมาเลยด้วยซ้ำไป

ไม่เพียงแค่ซอฟต์แวร์จะมีให้ใช้สำหรับงานหลากหลายประเภทแล้ว การใช้ซอฟต์แวร์ผ่าน Cloud Computing ยังไม่ได้จำกัดหรือได้รับการพัฒนาขึ้นมาเพื่อองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ธุรกิจทุกขนาดไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการ SMEs ขนาดเล็กก็สามารถที่จะใช้งานได้

จากที่ผมมีโอกาสได้รับทราบข้อมูลจากบริษัทที่ให้บริการ Cloud Computing และมีบริการในส่วนของ SaaS ด้วย ได้ทราบว่าซอฟต์แวร์สำหรับงานต่างๆ ที่ออกแบบมานั้นรองรับการใช้งานตั้งแต่ธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ ทั้งนี้ก็เพื่อให้ทุกองค์กรธุรกิจได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง

หากธุรกิจขนาดเล็กได้ใช้ซอฟต์แวร์เพื่อการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพย่อมช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารและทำให้ธุรกิจเติบโตขึ้นได้อย่างมั่นคง เมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น ซอฟต์แวร์ที่ใช้อยู่เดิมก็พร้อมที่จะรองรับขอบเขตการใช้งานที่มากขึ้นได้โดยที่ผู้ใช้งานไม่ต้องปรับตัวมากนัก ไม่ทำให้การดำเนินงานเกิดการสะดุดแต่อย่างใด

แม้แต่ร้านค้า Kios ก็สามารถที่จะติดต่อขอใช้บริการซอฟต์แวร์ SaaS ได้ เช่น ซอฟต์แวร์สำหรับผู้ค้าปลีก ที่จะช่วยให้การบริการต้นทุนและจัดการสต็อกมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยในเบื้องต้นในขณะที่ธุรกิจยังมีขนาดเล็กก็เลือกใช้บริการแพ็กเกจที่เหมาะสม และขยายแพ็กเกจเพิ่มขึ้นตามขนาดธุรกิจที่เติบโตขึ้น ซึ่งซอฟต์แวร์แต่ละประเภทพร้อมรองรับการใช้งานตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงการใช้งานในระดับสูง

เช่น การใช้ซอฟต์แวร์บริหารจัดการโรงแรม มีแพ็กเกจให้เลือกใช้ทั้งสำหรับที่พัก โรงแรม อพาร์ทเม้นต์ขนาดเล็ก กลาง ไปจนถึงโรงแรมที่พักขนาดใหญ่ โดยในเบื้องต้นอาจจะใช้ฟีเจอร์ในส่วนของ Front เท่านั้น เมื่อโรงแรมมีขนาดใหญ่ขึ้นต้องการเพิ่มในส่วนของระบบริหารร้านค้าหรือร้านอาหารของโรมแรมด้วยก็ทำได้

ดังนั้นเพื่อประสิทธิภาพในการบริการจัดการที่ดี ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการเติบโตของธุรกิจ ผู้ประกอบการ SMEs จึงควรทำความรู้จักหรือพิจารณาซอฟต์แวร์ SaaS เพื่อนำมาใช้บริการบ้าง นอกจากสามารถเลือกแพ็กเกจได้ตามความต้องการแล้ว การใช้งานซอฟต์แวร์ผ่าน Cloud Computing ยังสามารถใช้หรือทำงานผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตได้ด้วย ทำให้การบริหารงานสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา

ปลั๊กอิน WordPress จะอัปเดตตัวไหนดูให้ดีเสียก่อน

กิตติ ภูวนิธิธนา

มีเรื่องราวเกี่ยวกับ WordPress มาอัปเดตกันประปรายเป็นเรื่องของการแนะนำวิธีการใช้งานบ้าง แนะนำปลั๊กอินที่น่าสนใจบ้าง หรือแนะนำวิธีการแก้ไขปัญหาบ้าง ในส่วนของการแนะนำการแก้ไขปัญหาส่วนใหญ่จะมาจากปัญหาที่ผมพบด้วยตัวเอง งมคลำจนหาทางแก้ไขได้แล้ว จึงนำมาแชร์ไว้ในที่นี้เพื่อเป็นข้อมูลให้กับผู้อื่นบ้าง

ปัญหาการใช้ WordPress ที่พบเมื่อไม่นานมานี้และอยากจะแชร์ในครั้งนี้ก็คือ เรื่องของการอัปเดตปลั๊กอิน ใครที่ใช้ WordPress อยู่ก็คงจะเห็นว่าปลั๊กอินสำหรับ WordPress นั้นมีให้เลือกเยอะแยะมากมาย จนแทบจะเลือกกันไม่ถูก แต่ส่วนใหญ่ถ้าจะติดตั้งปลั๊กอินอะไรกันสักตัวก็จะดูที่วัตถุประสงค์ก่อนว่าต้องการใช้อะไร

แล้วค่อยเลือกว่าจะใช้ปลั๊กอินตัวไหนโดยพิจารณาจากปลั๊กอินที่มีผู้ใช้งานมาก่อนหรือมีรีวิวมีการแนะนำต่อกันมาแล้วว่า (น่าจะ) ดี และเจาะจงติดตั้งเฉพาะปลั๊กอินนั้นๆ ทั้งนี้ก็เพื่อลดความเสี่ยงในการที่จะพบกับปลั๊กอินที่จะมาสร้างปัญหามากกว่าตอบสนองการใช้งาน

เลือกปลั๊กอินผิด ชีวิตอาจเปลี่ยนได้ …เว็บพัง!

แม้กระนั้นก็ตาม แม้ว่าจะเลือกใช้ปลั๊กอินที่คิดว่าน่าจะไม่มีปัญหาอะไรแล้วแต่ก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะไม่พบปัญหาอะไร ดังนั้นในการยุ่งเกี่ยวกับปลั๊กอินที่ติดตั้งไปแล้ว มีอีกสิ่งหนึ่งที่พึงระวังเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้คือ การอัปเดตปลั๊กอิน

เวลาที่มีการแจ้งเตือนให้อัปเดตปลั๊กอิน โดยเฉพาะมีปลั๊กอินที่จะต้องอัปเดตพร้อมกันหลายๆ ตัว ก่อนที่จะลงมืออัปเดตปลั๊กอินให้จำไว้ด้วยว่าอัปเดตปลั๊กอินตัวไหนไปบ้าง

เมื่ออัปเดตไปแล้วให้ตรวจสอบการแสดงผลของหน้าเว็บไซต์ส่วนต่างๆ ว่ามีอะไรผิดเพี้ยนไปจากเดิมหรือไม่ เช่น ภาพประกอบในบทความไม่แสดงผล อยู่ภาพก็หายไป แสดงเป็นชื่อภาพขึ้นมาเฉยๆ เป็นต้น นอกจากนั้นแล้วให้ทดลองใช้งานระบบ Admin ด้วย เช่น การอัปเดตบทความใหม่ ลองดูว่าสามารถสร้างลิงก์ได้ไหม สามารถใส่ภาพได้ไหม ถ้าใส่ภาพได้แล้วตอนที่สั่ง Post หรือ Update ไปแล้ว ไปดูที่หน้าเว็บอีกทีว่าภาพแสดงผลไหม ใส่ภาพ Feature Image ได้ไหม ฯลฯ

ถ้าทุกอย่างทำงานได้ตามปกติก็แล้วไป แต่ถ้าพบว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นให้กลับไปตรวจสอบปลั๊กอินที่อัปเดตทีละตัว วิธีแก้ไขที่ง่ายที่สุดคือ อาจจะต้องไล่ลบปลั๊กอินที่ได้อัปเดตไปออกทีละตัวจนกว่าเว็บจะกลับมาทำงานได้ตามปกติ

สิ่งที่ควรรู้ก่อนใช้สมาร์ทโฟนแทนกล้องติดรถยนต์

กิตติ ภูวนิธิธนา

ประมาณสัก 2-3 สัปดาห์ก่อนหน้าที่ผมจะเขียนบทความ เป็นช่วงที่ได้เห็นการแชร์เรื่องของการใช้สมาร์ทโฟนเป็นกล้องติดรถยนต์อย่างกว้างขวาง มีการแชร์กันพอสมควรทีเดียว สาเหตุที่มีการแชร์กันในช่วงนั้นคาดว่าน่าจะมาจากกระแสข่าวการที่มีรถยนต์ 2 คัน (สรดำกับสีแดง) มีกรณีพิพาทกันเรื่องของการชนท้าย

กรณีนี้มีประเด็นตรงที่หากไม่มีกล้อง จากรูปการณ์แล้วรถคันหลังคงต้องถูกตัดสินว่าเป็นฝ่ายผิดอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้เองทำให้เกิดกระแสความสนใจกล้องติดรถยนต์กันขึ้นมา พร้อมกันนั้นก็ได้เกิดบทความแนะนำแอปพลิเคชั่นที่ทำให้สมาร์ทโฟนของเราสามารถใช้เป็นกล้องติดรถยนต์ได้ด้วย ไม่จำเป็นต้องซื้อกล้องติดรถยนต์หรือ Car DVR มาใช้ให้เสียเงิน

การแนะนำแอปพลิเคชั่นดังกล่าวได้รับความสนใจอย่างมาก ซึ่งว่ากันตามคุณสมบัติแล้วก็ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจ ถ้าไม่คิดว่าจะต้องบันทึกเหตุการณ์ไว้ตลอด 24 ชั่วโมง เอาแค่ว่าบันทึกภาพเฉพาะช่วงที่ขับรถก็พอ การติดตั้งแอปพลิเคชั่นและใช้สมาร์ทโฟนในการบันทึกภาพขณะขับขี่ก็ดูเป็นสิ่งที่น่าสนใจ เป็นการประยุกต์ใช้อุปกรณ์ที่มีอยู่ในเป็นประโยชน์

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีการพูดถึงหรือแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งานจริงๆ สักเท่าไร ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากนั่นคือ สมาร์ทโฟนไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานในสภาพอากาศที่ร้อนมากหรือร้อนเป็นเวลานาน ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานกลางแดด อีกทั้งเป็นแดดที่ส่องผ่านกระจกมาโดยตรงอย่างเช่นตำแหน่งของกระจกบังลมหน้า

ดังนั้นการใช้สมาร์ทโฟนบันทึกภาพการขับขี่ในช่วงกลางวัน ซึ่งจะต้องถูกติดตั้งอยู่บริเวณกระจกบังลมหน้าและรับความร้อนจากแสงแดดเป็นเวลานานอาจจะไม่ดีนัก ผมเคยใช้งานสมาร์ทโฟนบางอย่างขณะขับรถโดยติดสมาร์ทโฟนเข้ากับขายึดที่กระจกบังลมหน้าในช่วงเวลากลางวันที่แดดเปรี้ยงๆ ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ เอื้อมมือไปจับที่โทรศัพท์ปรากฏว่าร้อนจี้ ร้อนมากจริงๆ จนแทบจะถือตัวเครื่องไว้กับมือไม่ได้เลย ร้อนจนน่าตกใจ ใช้สมาร์ทโฟนมาไม่เคยเจออาการที่ตัวเครื่องร้อนขนาดนี้มาก่อนเลย

เห็นท่าไม่ดีจึงรีบเอาสมาร์ทโฟนออกจากขายึดแล้วมาวางบนเบาะข้างๆ รอให้เครื่องเย็น เมื่อมาเห็นการแนะนำเกี่ยวกับการใช้สมาร์ทโฟนแทนการใช้กล้องวงจรปิดทำให้ผมอยากที่จะแชร์ในเรื่องนี้

แน่นอนล่ะ ตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดที่จะบันทึกภาพก็ต้องเป็นบริเวณคอนโซลหน้าหรือกระจกบังลมหน้า หากจะใช้หรือจะลองใช้ก็ตาม อยากฝากให้ระมัดระวังกันในเรื่องนี้ด้วย หากปล่อยให้เครื่องร้อนในระดับที่ผมเล่ามาคือร้อนมากๆ เป็นเวลานานๆ ถ้าผมไม่รู้ตัวเสียก่อน ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าความร้อนระดับนั้นเครื่องจะแฮงค์จนดับไปเลยไหม ถ้าแค่แฮงค์แล้วดับไปคงไม่เท่าไร แต่ถ้าร้อนถึงขนาดที่แบตระเบิดขึ้นมาจะเสียหายขนาดไหน

ดังนั้นคงต้องพิจารณากันสักหน่อยว่า ถ้าจะนำสมาร์ทโฟนไปใช้บันทึกภาพแทนกล้อง Car DVR จริงๆ ในการใช้งานจริงจะบันทึกได้นานแค่ไหน นานแค่ไหนในที่นี้หมายถึงว่าเครื่องจะทนแดดทนร้อนได้นานแค่ไหน

ถ้าเป็นการขับรถไป-กลับบ้านกับที่ทำงานในเวลาเช้ากับเย็น อย่างนั้นน่าจะไม่มีปัญหา หรือใช้รถในช่วงสั้นๆ ขับจากที่หนึ่งอีกที่หนึ่งระหว่างวันและมีการจอดพัก แล้วค่อยไปต่อ อย่างนั้นก็น่าจะรองรับการใช้งานได้ แต่ถ้าต้องขับรถตอนกลางวันเป็นเวลานานๆ แล้วหวังว่าจะใช้สมาร์ทโฟนแทนกล้อง Car DVR เลยอย่างนั้นไม่น่าจะดีสักเท่าไร

ฝากไว้เป็นข้อควรระวังก่อนที่จะใช้งานนะครับ การประสุกต์ใช้สมาร์ทโฟนกับกิจกรรมต่างๆ รอบตัวถือเป็นเรื่องที่ดี ดีมากๆ ทีเดียว แต่ก็ต้องใช้อย่างระมัดระวังและใช้อย่างถูกวิธี

ทดสอบการใช้งาน Apple Wireless Keyboard กับ iPhone

เหตุเกิดจากความต้องการอุปกรณ์การทำงานเพิ่มอีกหนึ่งเครื่องจากที่มีใช้งานอยู่แล้ว ทำให้เสาะหาอุปกรณ์ต่างๆ ที่คิดว่าน่าจะลงตัวที่สุด และเมื่อได้มาแล้วไม่รู้สึกว่าเป็นการสิ้นเปลืองเกินไป และไม่รู้สึกว่าได้มาแล้วใช้งานไม่คุ้มค่า คอมพิวเตอร์ที่มีใช้งานอยู่เดิมนั้นเป็น iMac ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะนั่นเอง เพื่อความคล่องตัวในการทำงานนอกบ้านบ้าง หรืออยากจะเปลี่ยนมุมการทำงานในบ้านบ้าง จึงอยากได้อุปกรณ์ที่พกพาหรือหยิบยกไปใช้งานที่ต่างๆ ได้อย่างสะดวก แรกทีเดียวก็พิจารณาโน้ตบุ้กและเคยได้ทดลองซื้อมาใช้งานแล้วเครื่องหนึ่ง แต่พบว่ามีสิ่งที่ไม่ถูกใจหลายอย่าง จึงได้ขายไปในที่สุด

โน้ตบุ้กที่ซื้อมาเป็นยี่ห้อ Dell รุ่นหนึ่ง ซึ่งระดับราคาและสเป็คกลางๆ ทดลองใช้งานอยู่สักเดือนรู้สึกว่าไม่ตอบโจทย์ทั้งแง่ของการใช้งานและความพอใจจึงคิดว่าขายดีกว่า สิ่งที่ไม่พอใจในโน้ตบุ้ก Dell คือ เรื่องของระบบปฏิบัติการ หลังจากที่เปลี่ยนมาใช้ Mac ได้ 2 ปี ก็พึงพอใจและชอพอระบบปฏิบัติการของ Mac เสียแล้ว ทีแรกก็คิดว่าเอา Windows มาใช้งานบ้างก็ดี จะได้หลากหลาย แต่พอได้ลองใช้แล้ว (Windows 8) ไม่ชอบสักเท่าไร และที่สำคัญคือเรื่องของแบตเตอรี่ คนขายบอกว่ารุ่นที่ซื้อมา แบตรองรับการใช้งานได้นาน 4-5 ชั่วโมง แต่พอมาใช้งานจริงๆ 30-40 นาทีก็หมดเสียแล้ว ต้องหาที่เสียบอะแดปเตอร์ให้วุ่นวาย

หลังจากขาย Dell ไปแล้ว คิดว่า ไปซื้อ Macbook Pro ดีกว่า ช่วงที่กำลังตัดสินใจเป็นช่วงที่ Macbook Pro กำลังจะออกตัวใหม่พอดี ก็เลยรอๆ เพื่อพิจารณาระหว่างรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่ล่าสุด รออยู่เป็นเดือน จากที่คิดว่าจะเอาด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ยอมจ่ายแพงหน่อยแล้วจบเลย ทำให้มีเวลาได้คิดไตร่ตรองถึงความคุ้มค่า แต่ในใจก็ไม่วายลังเล เอาดี ไม่เอาดี กับ Macbook Pro อยู่นั่นแหละ ลังเลอยู่พักใหญ่ ทีแรกลังเลว่าจะเอารุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่ดี เพราะรุ่นเก่าลดราคาลงมาเหลือ 37,000 บาท เท่านั้น ลังเลอยู่สักพัก ตัดสินใจว่าเอารุ่นใหม่ไปเลยดีกว่า พอไปดูที่ร้าน คนขายบอก Macbook Pro รุ่นใหม่ เพิ่มแรมไม่ได้ จากที่คิดว่าจะเอารุ่น 43,700 บาท แล้วค่อยเพิ่มแรมทีหลัง กลายเป็นว่าถ้าอยากได้แรม 8 กิกะไบต์ ต้องขยับไปซื้อรุ่น 49,000 โน่น โอย แพงไปแล้ว

กลับมาตั้งหลัก มาพิจารณาถึงการใช้งานที่ต้องการซื้ออุปกรณ์เพิ่ม จริงๆ ไม่ได้ต้องการใช้งานอะไรมากเลย ถ้าทำงานกราฟิกก็ใช้ iMac เป็นหลักอยู่แล้ว ความต้องการที่อยากจะได้เครื่องใหม่จริงๆ แค่อยากเอาไว้เปลี่ยนบรรยากาศหรือสถานที่ในการนั่งพิมพ์งานและเล่นอินเทอร์เน็ตแค่นั้น จากโน้ตบุ้กคราวนี้เลยนึกถึงแท็บเล็ตขึ้นมา

เมื่อนึกถึงแท็บเล็ต หากจะนำแท็บเล็ตมาใช้พิมพ์งาน ถ้าจะให้สะดวกก็ต้องมีอุปกรณ์เสริมชิ้นสำคัญนั่นคือ คีย์บอร์ด คราวนี้จากที่หมกหมุ่นกับการพิจารณาโน้ตบุ้กก็มาหมกหมุ่นกับแท็บเล็ตบ้าง หลักๆ ก็เล็งไว้แค่ Samsung กับ Apple (iPad/iPad mini) แค่นั้นแหละ จังหวะนั้นมีโฆษณาของ Samsung ออกมาพอดีว่า Note 10.1 สามารถใช้งานได้เหมือนโน้ตบุ้กเลย ใช้เมาส์ได้ด้วย ตอนนั้นผมเองได้ซื้อเครื่อง Note 10.1 มาทดลองใช้อยู่เหมือนกัน แต่ไม่ได้ลองต่อคีย์บอร์ดและเมาส์ จะว่าไปแล้วในใจก็ค่อนข้างจะเอนเอียงไปทาง iPad มากกว่าด้วย

แต่ติดที่ว่ายังไม่มีโอกาสได้ทอลองใช้งานคีย์บอร์ดเลย ลองถามเพื่อนที่เคยใช้คีย์บอร์ดกับ iPad mini เพื่อนบอกว่าพิมพ์ยาก ก็เลยไม่แน่ใจว่าจะอายังไงดี นึกขึ้นมาได้ เราใช้ iMac นี่น่า มี Apple Wireless Keyboard อยู่แล้ว และก็ใช้ iPhone 5 อยู่ด้วย ก็ทดลองใช้งานได้นี่น่า iPhone กับ iPad ก็เหมือนกัน ต่างกันแค่ขนาดของหน้าจอ ลืมไปเสียสนิทเลย

ตอนนี้ผมได้ทดลองใช้งาน Apple Wireless Keyboard กับ iPhone แล้ว ใช้งานได้ดีและตอบโจทย์เลย ใครที่มีความต้องการใช้งานในลักษณะเดียวกับผม ลองดูเป็นแนวทางก็ได้นะครับ

ถ้าคุณซื้อ Apple Wireless Keyboard มาใหม่ๆ เพื่อใช้งานกับ iPhone หรือ iPad สามารถเชื่อมต่อกันได้ทันที แต่ถ้าใช้งานร่วมกับอุปกรณ์หลายตัวแบบผม ต้อง Unpair Apple Wireless Keyboard จากอุปกรณ์อื่นก่อน เพราะไม่สามารถเชื่อมต่อบลูทูธพร้อมกันหลายๆ อุปกรณ์ได้ ของผมใช้งานร่วมกับ iMac อยู่ เลยต้องไป Unpair ก่อนโดย…

1. เปิด System Preferences ขึ้นมา > คลิกที่ Bluetooth

2. คลิกที่ admin’s Keyboard > คลิกที่รูปเฟืองด้านล่าง > เลือก Disconnect

3. คลิกที่ ” – ” ด้านล่างของหน้าต่าง > คลิกปุ่ม Remove

การเชื่อมต่อ Apple Wireless Keyboard กับ iPhone หรือ iPad

1. เข้าไปที่ Settings > Bluetooth > เปิดการทำงานของบลูทูธ (และเปิดการทำงานของ Apple Wireless Keyboard ด้วย) > แตะที่ admin’s Keyboard

2. พิมพ์ Code ซึ่งเป็นตัวเลข 4 หลักบนคีย์บอร์ด แล้วแตะปุ่ม return (enter) เพียงเท่านี้ก็สามารถพิมพ์ข้อความต่างๆ บนหน้าจอ iPhone ผ่าน Apple Wireless Keyboard ได้แล้ว

มาดูกันว่าหลังจากที่ผมทดลองใช้งานแล้ว ผลเป็นอย่างไรบ้าง

หลังจากที่เราเชื่อมต่อ Apple Wireless Keyboard แล้วจะไม่มีคีย์บอร์ดบนหน้าจอขึ้นมาให้ใช้งานอีก จะพิมพ์อะไรต้องพิมพ์ผ่าน Apple Wireless Keyboard เท่านั้น กรพิมพ์สามารถพิมพ์ได้สะดวกเลย การตอบสนองของการพิมพ์และการแสดงผลรวดเร็ว ไม่มีการหน่วงหรือแสดงผลช้า ใช้งานได้เหมือนกับเวลาที่พิมพ์บน iMac ผมทดลองพิมพ์ในหลายๆ แอป ทั้ง Note แอปเอกสาร เช่น Word หรือ Excel หรือหน้าจอ Safari ก็พิมพ์ได้อย่างสะดวก

พิมพ์ได้คล่องตัวทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ส่วนหนึ่งผมเอง Apple Wireless Keyboard ด้วย ทำให้การพิมพ์ เช่น การเปลี่ยนภาษา ทำได้ค่อนข้างถนัดมือ สามารถเลือก คัดลอก และลบข้อความด้วยคีย์ลัดได้ สามารถใช้ปุ่มคำสั่งปรับแสงหน้าจอได้ ใช้ปุ่มคำสั่ง Play Puase หรือ Forword ในการควบคุมการเล่นหนังหรือเพลงได้ โดยรวมแล้วตอบโจทย์สำหรับผมเลยทีเดียว

การยกเลิกการเชื่อมต่อ Apple Wireless Keyboard กับ iPhone

1. เข้าไปที่ Settings > Bluetooth > แตะที่เครื่องหมาย i หลังชื่ออุปกรณ์ (admin’s Keyboard)

2. แตะที่ Forget this Device

3. แตะที่ Forget Device

IMG_2138 IMG_2147 IMG_2148

หลังจากที่ทดลองแล้ว ผมค่อนข้างพอใจและโอเคกับแนวทางนี้เลย ผมแค่ต้องการพิมพ์ข้อความได้สะดวกๆ แค่นั้น เพราะต้องพิมพ์งานแต่ละครั้งยาวเป็นหน้ากระดาษ คิดว่าใช้ iPad ก็สะดวกดีเสียด้วย เพราะจะถือจะพกพาไปไหนก็สะดวก หยิบใช้งานก็ง่าย แบตก็อยู่ได้นานเป็นวัน ราคาก็ประหยัดจาก Macbook Pro ตั้งครึ่งหนึ่ง ไม่ต้องกลัวว่าจะมารู้สึกทีหลังว่าซื้อมาแล้วใช้ไม่คุ้ม ซื้อมาเพราะอารมณ์ ลองถ้าตอบโจทย์ได้แบบนี้ได้ใช้งานกันจริงจังแน่นอน แต่ตอนนี้มีปัญหาอีกอย่างที่ยังลังเลอยู่คือ จะเอา iPad หรือ iPad mini ดีนะ

การรับหรือปฏิเสธสายด้วยคำสั่งเสียงบนสมาร์ตโฟน Android

ไม่แน่ใจว่า Android เวอร์ชันไหนบ้าง หรือว่าสมาร์ตโฟนรุ่นไหนบ้างนะครับ สำหรับภาพหน้าจอที่นำมาเป็นตัวอย่างนี้เป็นหน้าจอของ Szmsung Galaxy S4 เอาเป็นว่าถ้าอยากรู้ว่าสมาร์ตโฟนของคุณสามารถใช้คำสั่งเสียงในการรับหรือปฏิเสธสายได้ไหมให้เข้าไปที่ Settings > Device ถ้าพบคำสั่ง Voice control ก็แสดงว่าใช้ได้

การใช้งานคือ เข้าไปที่ ettings > Device แตะปุ่มเปิดการทำงานที่ Voice control แล้วอย่าลืมเข้าไปตั้งค่าโดยกาถูกเลือกเปิดคำสั่ง Incoming calls ไว้ด้วยนะครับ

เพียงเท่านี้เมื่อมีสายเรียกเข้าคุณก็สามารถใช้คำสั่งเสียงในการรับหรือปฏิเสธสายได้เลย โดยถ้าจะรับสายก็พูดว่า Answer ถ้าจะปฏิเสธสายก็พูดว่า Reject

ผู้ดูแลเซิร์ฟเวอร์ขอบอก ฮาร์ดดิสก์แบรนด์ไหนทนสุด

หนึ่งในคำถามยอดนิยมว่าจะซื้อฮาร์ดดิสก์ยี่ห้ออะไรดี ตอนนี้มีคำตอบแล้วจาก Backblaze ผู้ให้บริการ Cloud Drive รายหนึ่งที่มีฮาร์ดดิสก์แบบเดียวกับที่ผู้ใช้ทั่วไปใช้เกือบ 30,000 ตัวทำงานอยู่ในบริษัทโดยแบ่งเป็น Seagate และ Hitachi ค่ายละ 12,000 ตัว และ WD อีกราวๆ 3,000 ที่เหลือก็เป็นค่ายอื่นๆ เล็กน้อยจนเอามาเทียบเป็นสถิติไม่ได้

อ่านต่อที่ http://www.beartai.com/news/5367